ประวัติศาสตร์ ของ Fortnum & Mason

ในปี ค.ศ. 1761 หลานของวิลเลียม ฟอร์ตนัม ชื่อ ชาลส์ ได้เข้าไปรับใช้พระราชินีชาร์ลอตต์ (Queen Charlotte) การทำงานกับราชวงศ์ครั้งนี้ก็ต่อยอดให้ธุรกิจของชาลส์เติบโตเป็นที่รู้จักมากขึ้น ร้านค้าก็เริ่มที่จะบรรจุสินค้าที่มีพิเศษมากขึ้น เช่น อาหารประเภทหรูหราอย่างสัตว์ป่าหรือสัตว์ปีกนำมาทำเป็นเยลลี[1]

ในช่วงของสงครามนโปเลียน อาณาจักรอาหารแห่งนี้จำหน่ายผลไม้แห้ง เครื่องเทศ และอาหารสำเร็จรูปให้แก่พนักงานบริติช และในช่วงยุควิคตอเรีย ก็ถูกเรียกให้จัดอาหารในงานท้องพระโรงที่หรูหรา และพระราชินีวิกตอเรียเคยมีพระบรมราชโองการให้ฟอร์ตนัมและเมสันจัดส่งบีฟทีไปให้โรงพยาบาล Florence Nightingale ในช่วงสงครามไครเมีย[2]

ในปี ค.ศ. 1851 ฟอร์ตนัมและเมสันได้คิดค้นไข่สกอตช์ (Scotch egg) ในปี 1866 หลังจากที่เหมาซื้อสิ้นค้าใหม่ของ Mr H.J, Heinz มาทั้งหมดห้าชุด จึงได้กลายเป็นร้านค้าแห่งแรกที่ขายถั่วอบกระป๋อง[2]

ต่อมาเศรษฐีชาวแคนาดาชื่อดับเบิลยู. การ์ฟิลด์ เวสตัน ที่ต่อมากลายเป็นเจ้าของบริษัท ในปี ค.ศ. 1964 เขาสั่งให้ติดตั้งนาฬิกาน้ำหนักสี่ตันไว้เหนือทางเข้าเพื่อเป็นการยกย่องผู้ก่อตั้ง ในทุก ๆ ชั่วโมง หุ่นโมเดลของวิลเลียม ฟอร์ตนัมและฮิว เมสัน จะโน้มเข้าหาแล้วคำนับกัน พร้อม ๆ กับเสียงแบคกราวน์ที่กังวานในสไตล์ของดนตรีสมัยศตวรรษที่ 18 หลังจากที่ดับเบิลยู. การ์ฟิลด์ เวสตัน เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1978 ร้านค้าแห่งนี้ก็ถูกบริหารโดยหลานสาวของเขา เจนา คายัต (Jana Khayat) กับ เคต เวสตัน ฮอปเฮาส์ (Kate Weston Hobhouse) ด้วยความช่วยเหลือจาก ผู้อำนวยการบริหาร เบเวอรี แอสพิแนล (Beverley Aspinall)

ร้านค้าแห่งนี้ได้ผ่านการตกแต่งใหม่ด้วยเงินทุน 24 ล้านปอนด์ในปี ค.ศ. 2007 เป็นการฉลองการก่อตั้งครบ 300 ปี[3]

ใกล้เคียง